วันพุธที่ 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

สิ่งที่ดีที่สุด……คือ การใช้สื่อในรูปแบบไหน

                                      

                จากการใช้สื่อเทคโนโลยีในสังคมไทยมีทั้งข้อดีและข้อเสียขึ้นอยู่ว่าผู้ใช้จะกระทำในรูปแบบไหนและสร้างความเดือดร้อนต่อผู้อื่นหรือไม่ และข้อดีนั้นใช้แล้วเกิดประโยชน์ต่อตนเองเช่น การใช้อินเทอร์เน็ตส่งข้อมูลให้เพื่อนทางไกล  ติดต่อสื่อสารระหว่างกันทำกับว่าอยู่ด้วยกันตลอดเวลา

ตัวอย่างเช่น  การส่งงานผ่านทาง Hotmail




Mail  หรือการส่งงานผ่านทางอีเมล์นั้นเป็นการเรียนการสอนระดับมหาวิทยาลัยเป็นสำคัญหรืออาจมีหน่วยงานอื่น ๆ ใช้อีเมล์เป็นสำคัญ  เพราะสะดวกสบายที่สุดในการรับส่งเอกสาร ซึ่งประหยัดทั้งเวลาและค่าใช้จ่ายในการรับส่ง แต่เอกสารนี้จะต้องเปิดในคอมพิวเตอร์เท่านั้น ไม่ก็โทรศัพท์ Smart Phone บางรุ่น 

ตัวอย่างเช่น   การส่งข้อมูลผ่านทาง Facebook



                Facebook นั้นมีทั้งข้อดีและข้อเสีย เราต้องรู้จักที่จะใช้  แต่ที่ข่าวนำมาเสนอนั้นมีแต่ข้อเสีย  แต่ในทางที่ดีคนก็ไม่ค่อยพูดกัน เช่น เชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อน  และไม่เสียค่าใช้จ่ายในการคุยติดต่อกันด้วย สามารถส่งงานหากันอย่างสะดวกรวดเร็ว และประหยัดเวลาค่าใช้จ่าย  และสามารถรู้ได้ว่าผู้ที่เราส่งงานไปนั้นได้เปิดดูงานแล้วหรือยัง  เหมือนเป็นการติดต่ออย่างใกล้ชิด


ตัวอย่างเช่น    การติดต่อสื่อสารระหว่างกันผ่านทาง  Facebook



การใช้ Facebook  เป็นสื่อกลางในการติดต่อสื่อสารกัน  เป็นรูปแบบที่สะดวกรวดเร็ว  ค่าใช้จ่ายน้อย  แต่เราต้องใช้สื่อในทางที่ดี และต้องมีสติ  ไม่หลงเชื่อคนง่าย  และเป็นการที่ใช้เชื่อมความสัมพันธ์ของเพื่อนสู่เพื่อน  ให้รู้จักสนิทสนมกันมากยิ่งขึ้น  และเป็นการรับรู้ข่าวสารภายนอก 



จากตัวอย่างข้างต้น การใช้ประโยชน์จากสื่อเทคโนโลยี ทุกอย่างขึ้นอยู่กับผู้ใช้ว่าผู้ใช้จะเลือกที่กระทำอย่างไร  มีทั้งข้อดีและข้อเสีย แต่ในข้อดีก็มีมากมายตัวอย่างเช่น การใช้ FACEBOOK  มีทั้งข้อดีและข้อเสีย ถ้าข้อเสียก็คือใช้ FACEBOOK ติดต่อสื่อสารกันและหลงเชื่อในทุกการกระทำโดยไม่ใช้สติในการคิดพิจารณา แต่ถ้าในข้อดีก็มีมากมายคือ การใช้FACEBOOK  ติดต่อสื่อสารเชื่อมความสัมพันธ์ในสังคม  หรือไม่อาจจะเป็นการใช้ FACEBOOK ในการส่งข้อมูลต่าง ๆ ได้อย่างสะดวกและรวดเร็วการใช้สื่อที่เกิดประโยชน์นั้นต้องมีสติ รู้ว่าทำไปแล้วเกิดผลอย่างไรทุกอย่างล้วนแต่ขึ้นอยู่กับตัวผู้ใช้บริการนั้นเองค่ะ






วันศุกร์ที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

โอ้ว!!!! ไม่น่าเชื่อเด็กไทย

          จากปัญหาในสังคมไทยเด็กและเยาวชนในปัจจุบันหันมาใส่ใจในเรื่องการใช้คอมพิวเตอร์อินเตอร์เน็ตมากขึ้นแต่ว่าการใช้อินเตอร์เน็ตนั้นมีข้อดีและข้อเสียขึ้นอยู่กับการใช้อินเตอร์เน็ตไปในทางใดหรือค้นหาข้อมูลประเภทใดและมักจะได้ยินข่าวที่ว่ามีผู้ใช้อินเตอร์เน็ตในการหลอกลวงเด็กสาวหรือต้มตุ๋น หรือใช้อินเตอร์เน็ตในการยั่วยวนทางเพศหรือขายบริการทางเพศขายวีซีดีหนังโป๊ และมีการถ่ายหรืออัดวิดีโอและเผยแพร่ภาพลามกออกมาทางอินเตอร์เน็ต ดังตัวอย่างข่าวว่า
  


วันพฤหัสบดีที่ 29 ธันวาคม 2011 เวลา 05:28 น.

 


          ผู้สื่อข่าวรายงานเมื่อวันที่ 28 ธันวาคม 2554 ว่า เว็บไซต์ ยูทิวบ์ www.youtube.com รวมถึงในสังคมโลกออนไลน์ อย่างเฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ และเว็บบอร์ดเว็บไซต์ชื่อดังได้มีการเผยแพร่คลิปวิดีโอ
          ซึ่งเป็นภาพเด็กนักเรียนหญิงชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น ในชุดนักเรียนเสื้อขาวผูกคอซอง ใส่กระโปรงสีน้ำเงิน ตัดผมสั้น ของโรงเรียนแห่งหนึ่งซึ่งไม่ทราบแน่ชัดได้ว่า เป็นโรงเรียนไหน ได้ลุกขึ้นเต้นบนเก้าอี้ ซึ่งคาดว่า น่าจะอยู่ในห้องเรียน ด้วยท่าทางยั่วยวน คล้ายการเต้นของโคโยตี้ รวมถึงค่อยๆ ปลดเปลื้องผ้านักเรียนทีละชิ้นๆ จนเหลือแต่ชุดชั้นใน อย่างเมามันส์ ท่ามกลางเพื่อนนักเรียนทั้งหญิงและชาย ที่มามุงดู และเชียร์ให้กำลังใจจำนวนมาก ซึ่งเมื่อเด็กนักเรียนหญิงคนดังกล่าวเต้นเสร็จก็ลงจากเก้าอี้ และภาพการถ่ายคลิปซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นจากโทรศัพท์มือถือก็ถูกตัดไปhttp://www.dramahot.com

ทั้งนี้ คลิปวิดีโอดังกล่าว มีความยาว 1.47 นาที โพสต์โดยสมาชิกใช้ชื่อว่า jason เมื่อวันที่ 25 ธ.ค. 2554 โดยใช้ชื่อหัวข้อว่า อนาคต และมีผู้เข้าไปกดดูจำนวนนับหมื่นราย พร้อมข้อความแสดงความคิดเห็นเชิงต่อว่า ตำหนิ และวิจารณ์การกระทำของเด็กนักเรียนคนดังกล่าวกระทั่งในช่วงเย็นๆ ของวันที่ 28 ธันวาคม เมื่อคลิกเข้าไปดูในคลิปดังกล่าวอีกทีก็ปรากฎว่า ได้มีการลบไปเรียบร้อยแล้วโดยขึ้นข้อความว่า วิดีโอนี้ ถูกนำออกเนื่องจากมีเนื้อหาที่ละเมิดข้อกำนดในการให้บริการของ youtube



         
ทางกระทรวงศึกษาสั่งให้ตรวจสอบคลิปเด็กเต้นโคโยตี้ในห้องเรียนโดยบอกว่าครูผู้ดูแลถือว่าไม่ให้การดูแลนักเรียนอย่างทั่วถึง ถึงแสดงพฤติกรรมเยี่ยงนี้และจะมีการลงโทษต่อไป
จากข่าวข้างต้น คลิปดังกล่าวเข้าข่ายเป็นรูปโป๊เปลือยและถูกเผยแพร่ในอินเทอร์เน็ตจัดว่ามีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์พ.ศ. 2550 ที่ว่า 
 จากข่าวข้างต้น คลิปดังกล่าวเข้าข่ายเป็นรูปโป๊เปลือยและถูกเผยแพร่ในอินเตอร์เน็ตจัดว่ามีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 เข้าข่ายที่ว่า
ความผิดมาตรา 14 (4) ผู้ใดกระทำผิดโดยนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลที่มีลักษณะอันลามกและข้อมูลคอมพิวเตอร์นั้นประชาชนทั่วไปอาจเข้าถึงได้ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปีหรือปรับไม่เกิน 1แสนบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ 
มาตรา14 (5) ผู้ใดเผยแพร่และส่งต่อซึ่งข้อมูลลามก ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 1 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับมาตราต่อไปนี้






     จากคลิปที่ออกมานั้นเป็นการผิดกฏจรรยาบรรณคอมพิวเตอร์ที่ว่าต้องคำนึงถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นกับสังคมอันติดตามมาจากการกระทำและต้องใช้คอมพิวเตอร์โดยเคารพกฎระเบียบ กติกามารยาท
        
        จากข่าวดิฉันคิดว่าการกระทำนี้ไม่เหมาะสมที่เด็กผู้หญิงที่กำลังอยู่ในวัยเรียนจะทำพฤติกรรมเช่นนี้ สาเหตุที่เด็กผู้หญิงคนนี้ทำลงไปอาจจะเป็นเพราะว่าเด็กผู้หญิงคนนี้อยู่ในช่วงวัยรุ่นแล้วได้เห็นการกระทำดังกล่าวข้างต้นจากสื่อต่าง ๆจึงมีความอยากรู้ อยากลอง อยากทำเลียนแบบบ้างเพราะคิดว่าจะเป็นที่สนใจของผู้อื่นหรือไม่ จะเป็นที่จับตามอง  เป็นจุดเด่นจุดสนใจของผู้อื่นหรือไม่ จึงคิดว่าวิธีการนี้จะช่วยให้ตนเองได้รับความสนใจมากขึ้นโดยที่รู้เท่าไม่ถึงการณ์เลยว่าเทคโนโลยีสมัยนี้ล้ำหน้าไปมากแล้วอาจเป็นคนที่มาดูเราแสดงพฤติกรรมแบบนั้นออกมาเขาอาจจะถ่ายคลิปวิดีโอเอาไว้และนำมาเผยแพร่ผ่านทางโลกสังคมออนไลน์หรือช่องทางใด ๆ และผลที่ตามมาคือเราจะเสื่อมเสียชื่อเสียงอาจทำให้คนอื่นมองเราไม่ดีและอาจนำภัยมาสู่ตัวเองได้
          การที่จะทำให้ไม่เกิดเหตุการณ์แบบนี้อีกก็อาจจะเกี่ยวกับตัวเด็กและพ่อแม่ผู้ปกครองด้วย ควรมีการอบรมลูกหลานถึงเรื่องพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมที่ไม่ควรทำ เช่นการแต่งตัวโป๊อาจนำภัยมาสู่ตัวเราเองได้ คอยควบคุมดูแลให้คำปรึกษาในการบริโภคสื่อของลูกหลานเพราะสื่อสมัยนี้มีทั้งข้อดีและข้อเสียควรสอนให้ลูกหลานเลือกบริโภคสื่อให้ถูกต้องเหมาะสมให้ความอบอุ่นแก่ลูกหลาน  และทางโรงเรียนก็สามารถช่วยในเรื่องนี้ได้โดยการเปิดโอกาสให้เด็กนักเรียนที่อยู่ในช่วงวัยรุ่นได้มีการแสดงออกในทางที่เหมาะสม เช่น ถ้านักเรียนชอบเต้นก็จัดการประกวดร้องเพลงขึ้นที่โรงเรียนถ้านักเรียนชอบถ่ายคลิป ถ่ายวิดีโอ อาจจัดให้นักเรียนลองถ่ายคลิปวิดีโอโดยอาจจัดเป็นการถ่ายละครสั้น โดยให้นักเรียนเป็นผู้แสดงที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับเรื่องที่เรียนและควรสอนเรื่องความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ บทลงโทษที่จะได้รับถ้ามีพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม ดังกล่าวข้างต้นเพื่อให้นักเรียนเกิดความตระหนักถึงผลที่จะได้รับถ้าหากมีพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม นักเรียนจะได้เกรงกลัวไม่กล้าที่จะทำ


แหล่งอ้างอิง